Tuesday, October 18, 2011

หญิงงามเมือง (6) -- น 28+



วังหลวง
พระตำหนักใหญ่


ขุนวังนรชิต : องค์รัชทายาท..พระเจ้าข้า
พระองค์จักมิทรงหนีไปกับ พระอัครมเหสี หรือพระเจ้าข้า...

รัชทายาท เพลินพิศจิตราลัย : ไม่..ข้าจักไปหนีไปที่ใด ทั้งสิ้น
ข้าเกิดที่วังแห่งนี้..ข้าก็จักยอมตายลง ณ ที่แห่งนี้ เช่นเดีญวกับ
บรรพชน ผู้ก่อร่างสร้างเมืองพัชรปุระ มาจนถึงวันที่..
ข้า เป็นรัชทายาท...ข้าจักรักษาพระนคร 
จวบจนชีวิตวอดวาย
หากแม้นข้า ไม่ตายแดดิ้นลง ไปเสีย
ข้า พร้อมจะยอมเป็น ข้าทาสให้พวกมันดูหมิ่นเกี่ยรติ
แต่จักมิยอมตายโดยง่ายไปดอก
ท่านขุนวัง..อย่าได้เป็นห่วงไปนักเลย

ขุนวังนรชิต : พระเจ้าข้า..องค์รัชทายาท
ข้าพระองคืจักขอยอมพลีชีพ เพื่อพระองค์ 
และเหล่าพระญาติวงศ์ จวบจนชีพมลาย
พระเจ้าข้า..

รัชทายาท เพลินพิศจิตราลัย : ข้า ขอขอบใจ ท่านมาก..


ทหารองครักษ์ 1 : พวกมันมีกำลังมากกว่าฝ่ายเรา หลายสิบเท่า พระเจ้าข้า
บัดนี้..ข้าศึกกำลังจักเข้ามายังเขตพระราชฐานแล้ว พระเจ้าข้า
องค์รัชทายาท


รัชทายาท เพลินพิศจิตราลัย : ช่างหัวพวกมัน..ข้ามีวิธีที่จักรักษาเมืองของเราไว้ได้แล้วละ
แต่ข้าจักขอตัว ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า รอรับเจ้าเหนือหัวของพวกมัน สักหน่อย


ขุนวังนรชิต : พระองค์จะทรงนำองค์เอง เป็นเหยื่อล่อ พวกมันนะหรือ พระเจ้าข้า


รัชทายาท เพลินพิศจิตราลัย : ก็ไม่เชิงเสียทีเดียว ท่านขุนวัง
การครั้งนี้..เราขอเอาเลือดเนื้อ แล ชีวิต..เป็นเดิมพัน


ขุนวังนรชิต : ข้าพระองค์ ไม่เห็นด้วยเลย กับพระองค์
ขอพระองค์ อย่าได้ยอมพวกมันเลยนะ พระเจ้าข้า


รัชทายาท เพลินพิศจิตราลัย :
ทหารหาญแห่งข้า..เจ้าจงยอมทิ้งดาบไปเสีย
แล้วยอมเป็น..ข้ารองบาท พวกศัตรูไปก่อนเถิด
เพลานี้...เราไม่สามารถจักต้านพวกมันได้แล้ว
มีทางเดียวก็คือ..การศิโรราบ ให้แก่พวกอริราชศัตรู
เพื่อรอวันแก้แค้น..ก็เท่านั้น

***


รัชทายาท เพลินพิศจิตราลัย : อย่าห้ามข้า อีกเลย..ท่านนรชิต
ข้าจักมิทำให้ท่านผิดหวัง เป็นอันขาด

ทหาร..เจ้าจงไปบอกให้ทุกคน หยุดทำสงคราม
เพลานี้...เราจักยอมยกธงขาว..
ไปบอกให้ทุกคน กลับมาทำหน้าที่ของตน
ไปบอกแม่ครัว ให้เตรียมสำรับอาหาร
ข้าจักจัดงานเลี้ยงฉลอง..ให้กับผู้ชนะ...

จงรีบไป อย่าให้เสียการ..เร็วเข้า


ทหารองครักษ์ 2 : พระเจ้าข้า..องค์รัชทายาท


****




ขบวนทหาร ฝ่ายอรุโณทัยปุระ


ท้าวอนิรุทเทวา : ช่างแปลกเสียจริง
พวกมันยอมแพ้ แต่โดยง่าย
เจ้า ว่าจักเป้นแผนหรือไม่ ท่านแม่ทัพ


แม่ทัพ อุรังคกร : อย่าได้ทรงกริ่งเกรงไปเลยพระเจ้าข้า
เพราะเท่าที่ข้าพระองค์ให้ทหารสายสืบ
ไปดูลาดเลา ก่อนที่เราจักเข้าเขตกำแพงเมืองชั้นใน
ก็คงจักหลงเหลือชายฉกรรจ์ ไม่เกินไปกว่า พันคน
ดอกพระเจ้าข้า


ท้าวอนิรุทเทวา : ก็จริงอย่างที่ท่านว่า..ข้า ก็เห็นเพียงคนชรา กับเด็ก
ผู้ชาย คงจักตายในสนามรบ ไปจนเกือบหมดกระมัง 555


แม่ทัพ อุรังคกร : องค์เหนือหัว จักทรงทำต่อไปกับ
องค์รัชทายาทแห่งพัชรปุระ
หรือพระเจ้าข้า..



ท้าวอนิรุทเทวา : ขอ ให้ข้าเห็นก่อน เถิดว่า นางงามอย่างคำล่ำลือ หรือไม่
หรือว่า ท่านแม่ทัพ ต้องการจะเชยชม กลิ่นกายแห่งนาง ผู้นี้

แม่ทัพ อุรังคกร : หามิได้พระเจ้าข้า..ข้าพระองค์ก็อายุเกือบ 50 แล้ว
คงจักไปริอ่านจะมีเมียสาว ดอกนะพระเจ้าข้า


ท้าวอนิรุทเทวา : นาง เพิ่งจักอายุ 15 ปี 
เหตุใด ถึงได้ใจเด็ด ถึงเพียงนี้
หากเป็นข้า ถ้าเพิ่งเสียพ่อไปไม่นาน
ก็คงจักไม่สามารถทำใจ ได้โดยง่าย

ข้าว่า นางผู้หญิง คนนี้
ต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่
ท่านแม่ทัพ ไม่สนใจตัวนาง เสียหน่อยหรือ


แม่ทัพ อุรังคกร : แล้วแต่พระองค์ จักทรงโปรดนะพระเจ้าข้า

ข้าพระองค์ พอจักได้ยินกิตติศัพท์ของพระนาง มาบ้างนะพระเจ้าข้า
พระองค์ก็อย่าได้ทรงหลงคารมของพระนาง เทียงนะพระเจ้าข้า



ท้าวอนิรุทเทวา : ข้าคือผู้ใด ท่านลืมไปแล้วหรือ ท่านแม่ทัพ

แม่ทัพ อุรังคกร : ข้าพระองค์ทราบดีว่า พระองค์ มีพระราชสมัญญานามว่า พระเจ้าแปดทิศ 
แต่สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชย์ยังรู้พลั้ง นะพระเจ้าข้า


ท้าวอนิรุทเทวา : ขอบใจ ท่านมากที่เตือนสติเรา


แม่ทัพ อุรังคกร : ขอบพระทัย ที่ทรงกล่าวชมเชย พระเจ้าข้า
ข้างหน้า ก็ถึงประตูวังหลวง แล้วพระเจ้าข้า


***


วังหลวง
พระตำหนักใหญ่


รัชทายาท เพลินพิศจิตราลัย : หม่อมชั้น..รัชทายาทแห่งพัชรปุระ เพคะ
ขอประทานอภัย ที่หม่อมชั้นไม่ทันออกไปรับเสด็จ องค์เหนือหัวแห่งอรุโณทัยปุระ
ยังประตูเมือง...


ท้าวอนิรุทเทวา : ขอองค์รัชทายาท อย่าได้เกรงใจ ไปเลย
อีกมินาน เราก็หาใช่คนอื่นคนไกล

รัชทายาท เพลินพิศจิตราลัย : พระองค์ทรงหมายความเช่นไรเพคะ

ท้าวอนิรุทเทวา : ขอข้ารับเจ้าเป็นบ้านพี่เมืองน้องนะสิ
รัชทายาท เพลินพิศจิตราลัย : อะ..อ่อ..จริงด้วยเพคะ


ท้าวอนิรุทเทวา : เจ้าอย่าเรียกข้า ห่างเหินเช่นนั้นเลย น้องหญิง


รัชทายาท เพลินพิศจิตราลัย : ขอบพระทัยเพคะ..องค์เหนือหัว
แต่หม่อมชั้น อยู่ในฐานะเชลยศึก ย่อมจักมิกล้า กล่าววาจา จาบจ้วง
เจ้าเหนือหัว ได้เลยเพคะ


ท้าวอนิรุทเทวา : นี่ คือ คำสั่งของข้า ผู้เป็นเจ้าเหนือหัวของเจ้า
จงเรียกข้าว่า เสด็จพี่ นะจ้ะ..คนงามของพี่

รัชทายาท เพลินพิศจิตราลัย : เป็นพระกรุณายิ่งแล้ว
ขอบพระทัยเพคะ..เสด็จพี่

ท้าวอนิรุทเทวา : เจ้าจักว่า กระไรหรือไม่
หากพี่จักยกย่องเจ้าเป็นพระสนม คนนึง

รัชทายาท เพลินพิศจิตราลัย : แล้วพระอัครมเหสีแห่งอรุโณทัย
ทรงเห็นพ้องด้วยกับการนี้ แล้วนะหรือเพคะ


ท้าวอนิรุทเทวา : หาได้เป็นอันใดไม่
เพราะพี่มีสิทธิ์ขาดที่จะรับพระสนมสักกี่องค์ก็ได้


รัชทายาท เพลินพิศจิตราลัย : ขอบพระทัยอีกครั้งเพคะ เสด็จพี่
พระองค์แน่พระทัย แล้วนะเพคะ ที่จะรับหญิงม่าย เยี่ยงหม่อมชั้น
เป็นเป็นพระสนม จริง ๆ นะเพคะ


ท้าวอนิรุทเทวา : แน่นอนที่สุด ก็เจ้าช่างงามบาดใจพี่ ขนาดนี้
พี่ชักไม่อยากเดินทางกลับบ้านเมืองของพี่ เสียแล้วละสิ


รัชทายาท เพลินพิศจิตราลัย : ก็ทรงประทับอยู่ที่นี่ นาน ๆ สิเพคะ


***


เรือนรับรองแขกเมือง


แม่ทัพ อุรังคกร : ข้า ไม่ค่อยไว้ใจ ผู้หญิงคนนี้ จริง ๆ เลย
ข้า ต้องรีบส่งสาสน์ถึง พระธิดาแก้วกุดั่นวรรณไฉไล
ถึงเหตุการณ์ทั้งหมด เสียแล้วละสิ
ทหารเจ้าไปนำพิราบสื่อสารมาให้ข้า สัก 2 ตัวสิ

ทหารรับใช้ : ขอรับ ท่านแม่ทัพ


***



7 วัน ต่อมา

ม้าเร็วส่งสาสน์ จากวังหลวง ว่า พระอัครมเหสี ประชวร
ขอให้ ท้าวอนิรุทเทวา เสด็จนิวัติพระนคร โดยด่วน



ท้าวอนิรุทเทวา : พี่ต้องรีบกลับมารับเจ้า ไปอยู่เป็นศรีเมืองนะจ้ะ ยอดรักของพี่


รัชทายาท เพลินพิศจิตราลัย : จริงนะเพคะ เสด็จพี่
อย่าทรงลืมสัญญา ที่ให้ไว้แก่น้องนะเพคะ


ท้าวอนิรุทเทวา : จริงสิจ้ะ คนดี..


***



1 เดือน ต่อมา


มีราชสาสน์มาจากเมืองอรุโณทัยปุระ
ว่า ให้พระสนม เพลินพิศจิตราลัย
เสด็จไปยังที่นั้น โดยพระราชยานส่วนพระองค์

แต่ความจริงแล้ว มันคือราชสาสน์ปลอม จากพระธิดาแก้วกุดั่นวรรณไฉไล

พระธิดา มีพระบัญชาให้พาพระสนมไปยังเมือง อศิรสิงขรปุระ
เพื่อเป็น บรรณาการจาก อรุโณทัยปุระ 
ในฐานะ เชลยศึกในสงคราม ครั้งนี้


***

พระสนมเพลินพิศจิตราลัย 
จักทรงมีพระชาตากรรม เช่นไร
ต่อไป ช่างน่าติดตามเสียเหลือเกิน


No comments:

Post a Comment